แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ วิเคราะห์ผลบอล แสดงบทความทั้งหมด
แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ วิเคราะห์ผลบอล แสดงบทความทั้งหมด

วันอังคารที่ 25 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

ข่าวพรีเมียร์ลีกกรุ๊ปหงส์แดง ลิเวอร์พูลหลังลงท้ายศึกพรีเมียร์ลีกที่ทะลุทะลวงมา

เหล่าพาเลซพลิกแซงหักปีกหงส์แดง3-1




ซึ่งภายหลังที่วิเคราะห์ผลบอลเหล่าหงส์แดง ยังโชว์ฟอร์มแย่ๆ ต่อเนื่อง หลังจากที่อุตส่าห์ได้ แลมเบิร์ต ที่ยิงให้เหล่านำก่อนในสองนาทีแรก แต่สุดท้าย กรุ๊ปพาเลซ นั้นรัวทีเดียวสามลูกรวดพลิกกลับมาคว้าชัยไป 3-1 ทำให้อันดับไปรั้งที่ 12 ของลีกเรียบร้อย

เพราะว่าที่การแข่งขันฟุตบอลพรีเมียร์ลีก ฤดูกาล 2014-2015 ที่สนาม เซเฮิร์ส พาร์ค  ฝ่ายคริสตัล พาเลซ ต้อนรับการมาเยือนของ กลุ่มหงส์แดง ลิเวอร์พูล

ซึ่งในนาทีที่ 2 แฟนๆ เจ้าถิ่นต้องถึงกับช็อก หลังจาก ฝ่ายคริสตัล พาเลซ นั้นต้องมาเสียประตูไปก่อน จากจังหวะที่ อดัม ลัลลาน่า เปิดข้ามแนวรับให้ ริคกี้ แลมเบิร์ต หนีการประกบ ก่อนจักพักบอลแล้วซัดเรียดเปลี่ยนมือ จูเลี่ยน สเปโรนี่ เข้าไป ทีมลิเวอร์พูล ขึ้นนำ 1-0

ต่อเนื่องมาถึงนาทีที่ 17 จนกระทั่งคณะพาเลซ ก็ได้เฮบ้างครั้นมาตามตีเสมอสำเร็จเป็น 1-1 ขณะ ยานนิค โบลาสซี่ ลากหนีแนวรับ กรุ๊ปหงส์แดง ก่อนจะปลงใจซัดเต็มข้อด้วยขวาระยะ 25 หลา บอลเรียดหนีมือ ซิมง มินโญเลต์ พุ่งชนเสากระดอนออกมา แต่ลูกยังเข้าทาง ดไวท์ เกล วิ่งมาซ้ำจ่อเข้าไปได้สำเร็จ

ในนาทีที่ 34 หมู่หงส์แดง นั้นเกือบได้ประตูออกนำอีกครั้ง คราวนี้ โจ อัลเลน ครอสจากฝั่งซ้ายไปให้ ริคกี้ แลมเบิร์ต ที่อยู่เสาไกลได้โอกาสขึ้นโขกคนเดียวจ่อๆ แต่โชคไม่ดีบอลดันหลุดกรอบออกไปนิดเดียว

นาทีที่ 36 หมู่พาเลซ นั้นต้องถอดเอา ดาเมี่ยน เดลานี่ย์ ที่ได้รับบาดเจ็บจนเล่นต่อไม่ไหว ทำให้ต้องส่ง เบรเด้ ฮันเกลันด์ ลงมาดูแลเกมรับของพวกแทน

พร้อมด้วยในช่วงท้ายครึ่งแรกไม่มีประเติมเพิ่ม หมดเวลาทั้งสองหมู่เสมอกันไปก่อน 1-1

ซึ่งนาทีที่ 48 ทางด้านกรุ๊ปลิเวอร์พูล นั้นก็มาได้ลุ้นจากฟรีคิกระยะ 30 หลา สตีเว่น เจอร์ราร์ด รับหน้าที่ซัดแต่บอลพุ่งหลุดกรอบออกไปเสียก่อน

ในนาทีที่ 53 ตัวของมาร์ติน สเคอร์เทล มาโดนใบเหลือเลื่องงเป็นคนแรกของเกม โทษฐานเจ้าตัวเข้าไปดึงแขนของ มารูยาน ชามัคห์ เพื่อเป็นการขัดขวาง

นาทีที่ 61 ฆาบี มานกิโย่ ต้องมารับใบเหลือง หลังเจตนาไปดึง ชามัคห์ ที่หน้าเขตโทษ

และในนาทีที่ 71 หมู่หงส์แดง นั้นได้ตกลงใจถอด อดัม ลัลลาน่า ออก แล้วส่ง ฟาบิโอ บอรินี่ ลงสนามเพื่อลุ้นทำประตูให้คณะเพิ่ม

ต่อมาในนาทีที่ 74 หมู่ลิเวอร์พูล นั้นต้องถอด โจ อัลเลน ที่มีปัญหาเละบือกออกบนศีรษะที่แตกมาจากครึ่งแรก เพราะเปลี่ยนเอา เอ็มเร่ ชาน ลงสนามมาช่วยเกมแดนกลางแทน ขณะที่ พวกพาเลซ ก็ส่งให้ เจมส์ แม็คอาร์เธอร์ ลงสนามเป็นคนที่สอง เพราะเปลี่ยนเอา เจสัน พันเชี่ยน ออกไป

พร้อมด้วยครั้นถึงนาทีที่ 78 แฟนบอลฝ่ายคริสตัล พาเลซ ก็ได้เฮกันทั้งสนามคราวกรุ๊ปมาทำประตูที่สองสำเร็จ จากจังหวะที่บอลกำลังลอยกลางอากาศ เดยัน ลอฟเรน ที่ตามประกบ ยานนิค โบลาสซี่ จากริมเส้นไปล้มแล้วบอลตกเข้าหัวพอดีให้ดาวเตะ พวกพาเลซ เลี้ยงหนีไปได่ ก่อนเจ้าตัวจักตบเข้ากลางให้ โจ เลดลี่ย์ วิ่งมาซัดตรงกลางลอดตัว ซิมง มินโญเลต์ เข้าไป เจ้าถิ่นพลิกขึ้นนำ 2-1

ต่อมาในนาทีที่ 81 สถานการณ์ยังเป็นใจให้เจ้าถิ่นต่อเนื่อง คราวนี้กลุ่มมาได้ฟรีคิกหน้าเขตโทษ ไมล์ เยดินัค วิ่งมาปั่นด้วยขวา บอลเลี้ยวข้ามกำแพง ก่อนจะอ้อมหนีมือ มินโญเลต์ เข้าไปอย่างสวยงาม พวกคริสตัล พาเลซ ได้นำเพิ่มอีกเป็น 3-1

นาทีที่ 86 กลุ่มพาเลซ ตกลงใจถอด ยานนิค โบลาสซี่ ที่เกมนีทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมออกไปพักท่ามกลางเสียงปรบมือจากแฟนๆ ในสนาม ก่อนจักให้ แบร์รี่ แบนแนน ลงมาเล่นแทน

เข้าสู่ช่วงท้ายเกมทั้งสองพวกเกือบมีลุ้นได้ประตูกันหลายครั้งแต่ก็พลาดไป สุดท้ายหมดเวลา กรุ๊ปคริสตัล พาเลซ ได้เปิดบ้านเอาชนะ หมู่ลิเวอร์พูล ไปได้สำเร็จผลบอล 3-1

นั่นทำให้ ทีมพาเลซ ได้เก็บเพิ่มเป็น 12 คะแนน ขยับขึ้นมาอยู่อันดับ 15 ของตาราง ส่วน หมู่หงส์แดง จากความพ่ายแพ้นัดนี้ทำให้พวกตกมาอยู่อันดับ 12 โดยมีอยู่แค่ 14 คะแนน เท่านั้น

มาดูระเบียนผู้เล่น คริสตัล พาเลซ 4-4-1-1 :

  1. จูเลี่ยน สเปโรนี่ 
  2. มาร์ติน เคลลี่
  3. สก็ตต์ แดนน์
  4. ดาเมี่ยน เดลานี่ย์ เปลี่ยนตัว เบรเด้ ฮันเกลันด์ ลงมาในนาทีที่ 36
  5. โจเอล วอร์ด 
  6. เจสัน พันเชี่ยน เปลี่ยนตัว เจมส์ แม็คอาร์เธอร์ ลงมาในนาทีที่ 76
  7. ไมล์ เยดินัค
  8. โจ เลดลี่ย์
  9. ยานนิค โบลาสซี่ เปลี่ยนตัว แบร์รี่ แบนแนน ลงมาในนาทีที่ 86
  10. มารูยาน ชามัคห์ 
  11. ดไวท์ เกล


ผู้เล่นสำรอง

  1. เวย์น เฮเนสซี่ 
  2. วิลฟรีด ซาฮา 
  3. เฟรเซอร์ แคมป์เบลล์ 
  4. แอนดรูวส์ จอห์นสัน


มาดูบัญชีชื่อผู้เล่น กลุ่มลิเวอร์พูล 4-2-3-1 :

  1. ซิมง มินโญเลต์ 
  2. ฆาบี มานกิโย่
  3. มาร์ติน สเคอร์เทล
  4. เดยัน ลอฟเรน
  5. เกล็น จอห์นสัน 
  6. โจ อัลเลน เปลี่ยน เอ็มเร่ ชาน ลงมาในนาทีที่ 74
  7. สตีเว่น เจอร์ราร์ด 
  8. ราฮีม สเตอร์ลิ่ง
  9. ฟิลิปป์ คูตินโญ่
  10. อดัม ลัลลาน่า เปลี่ยน ฟาบิโอ บอรินี่ ลงมาในนาทีที่ 71 
  11. ริคกี้ แลมเบิร์ต


ผู้เล่นสำรอง

  1. แบร๊ด โจนส์ 
  2. โคโล่ ตูเร่ 
  3. อัลแบร์โต้ โมเรโน่ 
  4. ลูคัส เลว่า 
  5. ลาซาร์ มาร์โควิช


กรรมการผู้ตัดสิน : โจนาธาน มอสส์

ติดตามชมดูคลิป ไฮไลท์พรีเมียร์ลีก


เดอะคล็อปป์ได้โผล่ชื่อนั่งแท่นกุนซือหงส์แทนบีร็อด




ซึ่งบีร็อด นั้นคงจะได้เก้าอี้ร้อน หลังจากที่เจอร์เก้น คล็อปป์ ปรากฏชื่อเตรียมนั่งแท่นบัลลังก์กุนซือใหม่ กลุ่มหงส์แดง หลังผลงานโคตรแย่ เก็บชัยได้แค่ 2 นัดจาก 12 เกม

พร้อมทั้งก็ดูเหมือนขาเก้าอี้กุนซือของ เบรนแดน ร็อดเจอร์ส ผู้จัดการคณะ ลิเวอร์พูล สโมสรชั้นนำแห่งศึก พรีเมียร์ลีก อังกฤษ จะเริ่มทำสั่นคลอนเสียแล้ว เมื่อล่าสุดมีรายงานว่า พวกหงส์แดง ได้วางตัว เจอร์เก้น คล็อปป์ เทรนเนอร์ของ คณะโบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ กรุ๊ปดังแห่งเวที บุนเดสลีกา เยอรมัน เข้ามาเสียบตำแหน่งแทน หลังจากที่ บีร็อด นั้นเพิ่งพาพวกบุกไปพ่ายแพ้ หมู่คริสตัล พาเลซ ที่ ถิ่นเซลเฮิร์ทส์ พาร์ค 1-3 เท่าที่วันอาทิตย์ที่ตัดผ่านมา วันที่ 23 พฤศจิกายนที่ข้ามมา

ซึ่งโปรแกรมบอลหมู่หงส์แดง นั้นได้ออกสตาร์ทฤดูกาล 2014 - 2015 ได้อย่างย่ำแย่ เก็บชัยชนะได้แค่ 2 นัดเท่านั้นจากเกมลีก 12 นัดหลังสุด แถม 3 นัดล่าสุดปราชัยรวดทั้งหมด รั้งอยู่ที่ 12 ของตาราง แข่ง 12 นัด มี 14 แต้ม

นั่นจึงทำให้แฟนๆ ชาวเดอะ ค็อป พร้อมด้วยเหล่าบรรดาเกจิลูกหนังวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก เพราะล่าสุดมีรายงานเกิดขึ้นว่าทางบอร์ดบริหารของ คณะลิเวอร์พูล ได้วางแผนทาบทาม คล็อปป์ เข้ามาทำหน้าที่แทน ร็อดเจอร์ส หลังเจ้าตัวนั้นเคยออกมายอมรับว่าสนใจที่จะเข้ามาทำงานใน อังกฤษ

พร้อมด้วยที่ก่อนหน้านี้ กุนซือใหญ่ทัพ คณะเสือเหร่ำลือง ก็ได้เคยให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับเรื่องทำงานในแดนผู้ดีเอาไว้ว่า ผมคิดว่า อังกฤษ เป็นที่เดียวเท่านั้นที่ผมควรไปทำงาน ถัดจาก เยอรมัน ผมคิดว่า อังกฤษ นี่แหละเหมาะสมที่สุดแล้ว ก็เพราะว่ามันเป็นประเทศเดียวที่ผมรู้จักภาษา ซึ่งการทำงานของผมมันจำเป็นต้องใช้ภาษาอย่างมาก ด้วยกันถ้าเกิดมีใครติดต่อผมมา มันก็น่าที่จะลองคุยดูนะ

วันอังคารที่ 18 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

วิเคราะห์บอล: แฟนบอล ยานาไซ อย่าอ่านหนอ?

แฟนบอล ยานาไซ อย่าอ่านนะ?




เพราะว่า 3 คะแนนสำคัญของ กรุ๊ปแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด จากการคว้าชัยเหนือเหล่ารองบ่อนอย่าง ฝ่ายคริสตัล พาเลซ 1 - 0 พอสุดอาทิตย์ที่สร้างผ่านมา คงจักไม่เกิดขึ้นแน่ๆ สมมุติอดีตดาวรุ่งที่ใครๆ ต่างก็พูดถึงจนกระทั่งช่วงต้นซีซั่นที่แล้วนามว่า อัดนาน ยานาไซ โลดแล่นอยู่ในสนามครบ 90 นาที

ซึ่งในนัดนี้ได้รับเสียงด่าอย่างมากโข เพราะว่าการวิเคราะห์บอลฟอร์มการเล่นอันสุดแสนจะห่วยแตกของ อัดนาน ยานาไซ ในฤดูกาลนี้ หรือว่าถ้าจะให้พูดแท้ๆ ก็น่าจะเป็นมาตั้งแต่ช่วงท้ายฤดูกาลที่แล้วละ ถ้าท่านผู้อ่านได้เคยติดตามงานเขียนของผมมาก่อน ก็คงจักทราบดีว่าผมนั้นเป็นแฟนบอล คณะปีศาจแดง แบบสุดลิ่มทิ่มประตูคนนึงเลยหละ ฉะนั้นการที่จะให้มาเขียนสกู๊ป ตำหนิติติงนักเตะกรุ๊ปโปรดของตัวเอง บางคณะันก็ทำยากอยู่นะ แต่วันนี้มันถึงจุดแล้วยิ่ง ๆ




ภาพห่วยจนถูกหนังสือ Deviemag จับมาล้อ จาก Devilmag.com


พร้อมทั้งความจริงแล้วผมปรารถนาจะเขียนถึงข่าวแมนยู ตัว ยานาไซ มาตั้งแต่ 2 - 3 เกมก่อนหน้านี้แล้วนะ แต่ก็คิดว่าอะ ลองให้โอกาสมันดูอีกสักหน่อยละกันวะ อีกอย่างตอนนั้นสาวกผู้คลั่งไคล้ในตัวของดาวเตะหน้าหล่อรายนี้ ไม่ก็ที่เรียกกันสั้นๆ ว่า ติ่ง ก็ยังค่อนข้างมากหลายอยู่ ฉะนั้นโอกาสที่ผมจะโดนติ่งเหล่านั้นรุมโทรมด้วยคำหยาบคายมีค่อนข้างสูงเลยทีเดียว

ซึ่งผมจึงเเล่าลือกที่จักเลี่ยงไปก่อน แต่ขณะกาลเวลาเปลี่ยน ติ่ง ทั้งหลายก็เปิดฝาได้เห็นธาตุแท้ของไอหนูขี้เก๊กรายนี้ ชัดขึ้นๆ เรื่อยๆ จากที่เคยหลง ก็เหเล่าลือแค่รัก จากที่เคยรัก ก็เหลือเลื่องแค่ชอบ จากที่เคยชอบ กลับกลายเป็นเฉยๆ จนทุกวันนี้บางคนเกลียดแล้วด้วยซ้ำ

เพราะว่าเหตุนี้ วันนี้ผมขอพูดถึงจอมเลี้ยงร่างอ้อนแอ้นสักหน่อยเถอะ มันอดรนทนไม่ไหวแล้วแท้จริงๆ เนื่องด้วยฟอร์มการเล่นแบบฉายเดี่ยว กรูเก่งคนเดียว ไม่คิดจะส่งให้ใคร ยิงทิ้งยิงขว้าง ยึกๆ ยักๆ เล่นมากจังหวะ ทำลูกง่ายให้เป็นลูกยาก ลากถึงเส้นหลังแล้วไม่เปิด แต่เจือกล็อกกลับหลัง พร้อมกับจบด้วยการยึกๆ ยักๆ กับอีกหลากหลายร้อยสิ่งที่เขาทำให้เกมรุกของ ฝ่ายปีศาจแดง นั้นเพลาฤทธิ์เดชลงไป

และผมก็มั่นใจอีกว่า ไม่ใช่ผมคนเดียวที่เป็น ประชาชนทนไม่ไหว ที่ต้องขออกมาต่อต้านการส่ง ยานาไซ ลงเล่นเป็นตัวแท้จริง เพราะเท่าที่ตามอ่านความคิดเห็นของเหล่าบรรดาสาวก คณะอสูรแดง ในสื่อโซเชียลมีเดียต่างๆ ไม่ว่าจะทั้ง

  1. ทาง เฟสบุ๊ก
  2. ทาง ทวิตเตอร์
  3. ทาง อินสตราแกรม 
  4. ทาง กระทู้ตามเว็บบอร์ดต่างๆ 


ซึ่งแฟนผีร้อยละ 80 ต่างก็ออกมาด่า ยานาไซ ซะเละเทะไม่มีชิ้นดี




ภาพจาก Devilmag ขอขอบคุณภาพจาก Devilmag.com

ซึงด้วยว่าติ่งของ ยานาไซ บางท่านอาจจะอ้างว่า โหยย ก็คนไทยมันขึ้นชื่อเรื่อง เกรียนคีย์บอร์ด อยู่แล้วนี่หว่า มันก็ต้องด่ากันอยู่แล้ว ผมจักบอกว่าที่อังกฤษเอง เขาก็คิดกันอย่างนี้ครับ ขนาดสาวกอสูรวัยขบเผาะนามว่า ชาร์ลี ยังต่อว่าปีกจอมยึกยักรายนี้เลยครับ ถ้าไม่เชื่อ ผมมีคลิปมาให้ดู



จักรู้สึกอายเด็กมันบ้างไหมนะ

ซึ่งเจ้าหนูน้อยชาร์ลีผู้น่ารักได้ให้สัมภาษณ์ถึงชัยชนะที่ คณะปีศาจแดง นั้นมีเหนือ ทีมปราสาทเรือนแก้วผลบอล 1 - 0 ว่า 3 คะแนนในวันนี้สำคัญต่อกลุ่มอย่างมาก แต่เกมของเรายังค่อนข้างช้าอยู่ เพราะว่าเฉพาะ ยานาไซ เขาเล่นบอลได้ช้ามาก ทำเกมเสียจังหวะตลอด เขาคือจุดอ่อนของฝ่าย พร้อมด้วยก่อนที่ ชาร์ลี จะไปวิพากษ์วิจารณ์ อังเคล ดิ มาเรีย พร้อมกับ โรบิน ฟาน เพอร์ซี่ ต่อ แต่นั่นก็ไม่ใช่ประเด็นของเราแล้วหละ 5555

ก็ได้เขียนมาถึงตรงนี้แล้ว ผมก็นึกได้คุ้นๆ เหมือนกับว่า ผมเคยเขียนเรื่องราวของเขามาแล้วทีนึง ตอนช่วงต้นฤดูกาล เวลาที่เพิ่งจะได้รับเสื้อหมายเลข 11 เลยลองกลับไปขุดหาดู ปรากฏว่า เห้ย แท้ๆ ด้วยตอนนั้นผมเขียนไว้ ว่าด้วยเรื่องของ ชื่อชั้นที่ยังไม่สมควรจักมาใส่เบอร์ 11 ต่อจาก แข้งระดับตำนานอย่าง ไรอัน กิ๊กส์ เพราะมันจักทำให้เด็กหนุ่มวัยแค่ 19 ปี ต้องแบกรับความกดดันไว้มหาศาลนั่นเอง กับดูเหมือนว่าระยะนี้ สิ่งที่ผมคิดไว้ในตอนนั้นมันจักถูกต้องเสียด้วย

และนอกจากนี้ในบทความนั้น มีใจความท่อนนึงผมเขียนไว้ว่า ผมรู้สึกว่า ยานาไซ ไม่ได้เก่งขนาดนั้น แต่กลับถูกมองว่าเก่ง พร้อมด้วยให้สนนราคาจนเกินตัวไปแยะมาก สิ่งที่ผมจะพูดรองลงไปอาจทำร้ายจิตใจแฟนผี แต่โปรดยอมรับเถอะครับว่า ราฮีม สเตอร์ริ่ง ปีกกึ่งกองหน้าของ กลุ่มหงส์แดง ลิเวอร์พูล คู่กัดตลอดกาลของ ทีมแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่ถูกดันขึ้นมาสู่พวกชุดใหญ่พร้อมๆ กับ ยานาไซ มีการพัฒนาที่มากกว่า พร้อมทั้งดูดีมีอนาคตกว่าอื้อซ่า

ซึ่งถ้าหากใครจักสนทนาว่าผมอคติกับดาวรุ่งขวัญใจแฟนผีรายนี้ ผมก็คงต้องขอน้อมรับไว้ แต่ผมคิดว่าฟอร์มการเล่นของเจ้าตัวก็น่าจักตอบโจทย์ทุกอย่างได้แล้ว ไม่ว่าจักเป็นการเล่นมากจังหวะ การหวงบอล การยิงโดยไม่หวังผล ซึ่งถ้าหาก ยานาไซ ไม่ยอมปรับเปลี่ยนสไตล์การเล่นของตัวเอง อนาคตคงก้าวถัดจากลำยากแน่ๆ

ถ้าจะนับจากวันนั้น จนถึงวันนี้ ในเกมพรีเมียร์ลีก ทะลุไปแล้วอีก 10 นัด ความคิดของผมที่มีต่อ ยานาไซ ก็ยังคงเดิม แถมขอยอมรับตรงๆ ด้วยเลยว่า เปิดม่านจักมีความเกลียดเข้ามาเจือปนแล้วด้วยซ้ำ





ภาพเกมแรกในพวกชุดใหญ่ อย่างไม่เป็นทางการ ของ ยานาไซ ก็คือการมาโชว์ความพริ้วที่แดนสยามนี่เอง

ซึ่งถ้าสมมต ลองย้อนกลับไปปางฤดูกาลที่แล้ว กาลเวลาที่ยังไม่มีใครรู้จักมากนัก เจ้าตัวได้รับโอกาสให้ลงเล่นในช่วง พรี - ซีซั่น และก็ทำผลงานได้ค่อนข้างดีเลยทีเดียว รวมถึงได้ลงเล่นในการมาทัวร์เมืองไทยด้วย เกมนั้นเล่นดีมากๆ ส่วนเกมที่ได้ลงสนามในพวกชุดใหญ่อย่างเป็นทางการเลยก็คือการลงมาเป็นตัวสำรองแทนที่ของ แอชลี่ย์ ยัง ในนาทีที่ 68 เกมนั้นพลพรรค หมู่เร้ด เดวิลส์ ได้เอาชนะ ทีมคริสตัล พาเลซ ไปได้ 2-0 พร้อมกับเจ้าตัวก็ยังทำผลงานได้ไม่เลว

พร้อมทั้งหลังจากนั้น เกมที่ถือว่าเป็นการแจ้งเกิดให้ ยานาไซ อย่างเต็มตัวก็มาถึง เมื่อเขาถูก เดวิด มอยส์ ส่งลงเป็นตัวแน่ๆครั้งแรกในเกมที่พบกับ เหล่าซันเดอร์แลนด์ โดยเจ้าตัวเหมาคนเดียว 2 ประตู ช่วยให้ต้นสังกัดสร้างปาฏิหาริย์พลิกนรกจากที่ตามหลังอยู่ 1 - 0 กลับมาชนะได้ 2 - 1 ด้วยกันหลังจากเกมนั้นเองผู้คนทั้งหลายต่างพากันสรรเสริญเขา สื่อหลายสำนักรุมสัมภาษณ์ สโมสรยักษ์ใหญ่เปิดม่านบังตาตามจีบ ด้วยกันหลายคนอาจมองว่าเป็นเกมแจ้งเกิด แต่ด้วยว่าผมมันคือจุดที่ทำให้วัยรุ่นคนนี้ สมาธิแตกกระเจิงเสียมากกว่า เพราะว่าเฉพาะอย่างยิ่ง เขาไม่ได้อยู่ภายใต้การดูแลของกุนซือจอมเฮี้ยบอย่างโค้ช เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน เสียด้วย




คลิปเกมแจ้งเกิดของตัว ยานาไซ

ซึ่งไม่กี่วันถัดมาโปรแกรมบอล ภายหลังเกมดังกล่าวด้านบน หมู่ปีศาจแดง ก็จัดการมอบสาบานฉบับใหม่ระยะยาวถึง 5 ปี พร้อมค่าจ้างสูงถึง 60,000 ปอนด์หรือไม่คาดคะเน 3 ล้านบาท ต่อสัปดาห์ พร้อมเงินกินเปล่าค่าเซ็นปฏิญาณที่เด็กอายุ 18 ปีจะได้เอาไปใช้ฟรีๆ อีก 5 ล้านปอนด์เหรอคะเน 250 ล้านบาท เรียกได้ว่าเป็นเศรษฐีวัยกะเตาะเหมือนชั่วข้ามคืนเลยทีเดียว

พร้อมกับผมก็ไม่ทราบเหมือนกันนะครับว่า มีใครได้สังเกตุเหมือนผมหรือไม่ก็ไม่ว่า ตั้งแต่ อัดนาน สะบัดน้ำหมึกพร้อมรับค่าจ้างมหาศาล เจ้าตัวก็เปลี่ยนไป ทั้งการแต่งตัว การวางตัว รวมถึงฟอร์มการเล่นในสนามบอล


พูดแบบไม่อ้อมเลยก็คือ ขี้เก๊ก ขี้แอ็ค ขี้เลี้ยง กว่าเดิมโขมากๆ เลย พร้อมทั้งอย่างที่กล่าวละครับ พอมาในฤดูกาลนี้ เขาได้สวมเบอร์ 11 อีกด้วย ผมคิดว่าทำให้เจ้าตัวรู้สึกว่าตัวเองยิ่งมีความสำคัญกับกรุ๊ป บวกกับแรงกดดัน ฟอร์มมันถึงออกมาได้ห่วยแตกแบบสุดลิ่มทิ่มประตูแบบนี้นี่ละครับ แถวบ้านผมเขาเรียกอาการแบบนี้ว่า ทองลอก ครับ ความหมายก็คือคนที่ดี นานวันไปก็กลับกลายเป็นคนเลว อะไรประมาณการนั้น แต่ในกรณีนี้ ผมไม่มั่นใจด้วยซ้ำว่า มันเคยมี ทอง อยู่ในตัวเจ้าเด็กนี่มาก่อนไม่ก็เปล่าด้วยซ้ำ




ภาพเซ็นสนธิสัญญายิ้มแป้น รับทรัพย์ด้วยกันเงินก้อนโต

ซึ่งอีกประเด็นนึงที่มุ่งหมายจะเขียนถึงแต่ไม่เอาดีกว่าเดี๋ยวยาวก็คือ มีหลายคน บอกเล่าว่า ให้ดู โรนัลโด้ ตอนมาใหม่ๆ สิ มันก็ขี้เลี้ยงอย่างนี้แหละ เดี๋ยวสักวัน ยานาไซ ก็อาจจักเป็นถึงระดับโด้ได้บ้าง โอ้ยยย ครันครับที่ตอนนั้น เจ็ทโด้ มันขี้เลี้ยง แต่ขอโทษ ทรงมันดีกว่านี้ด้วยซ้ำ ทำไมไม่ลองไปเทียบพวกขี้เลี้ยงแบบ นานี่ เบเบ้ ดูบ้างละครับ?

ด้วยกันผมขอพูดตรงนี้เลยว่าตัวของ ยานาไซ ไม่มีทางเหมือน โรนัลโด้ แค่ใกล้เคียงยังไม่มีวันเลยด้วยซ้ำ ผมรับประกัน

สิ่งสุดท้ายนี้ แม้ว่า ยานาไซ จักเป็นคนที่ผมชอบน้อยที่สุด ในคณะ ณ เวลานี้ แต่ในฐานะที่ผมคือสาวก คณะปีศาจแดง ฉะนั้นตราบใดที่แข้งวัยกะเตาะรายนี้ยังคงอยู่ในกรุ๊ป เราก็คือสายเโจษจันดเดียวกัน ผมก็ขอเอาใจช่วยให้ปีกพวกชาติเบลเยี่ยม ก้าวข้ามความกดดันในการสวมเสื้อเบอร์ 11 ต่อจากตำนาน ปีกขนดก ไปให้ได้

กับรวมถึงต้องพยายามปรับเปลี่ยนทัศนคติในการเล่น ด้วยกันเร่งพัฒนาฝีเท้าให้ดีขึ้นกว่าเดิมในตารางพรีเมียร์ลีกด้วย แต่เหนือสิ่งอื่นใดเลยคือ หลุยส์ ฟาน กัล ช่วยอย่าส่งมันลงตัวนักบ่อยนักได้มั้ยวะ จับมันดองข้างสนาม พร้อมๆ กับลูกรักของคุณอย่าง ฟาน เพอร์ซี่ ด้วยก็จักดีมาก

ชิน ชินพัฒน์

เขียนโดย : Giggsmanu11

วันพฤหัสบดีที่ 6 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

ข่าวคราวฟุตบอลการต่อสู้พรีเมียร์ลีกและโปรแกรมบอลพรุ่งนี้

จับปลาหลายมือ?





ทางด้านฟุตบอลในโซนยุโรป หลักๆ ก็มี 3 รายการเพื่อหมู่ใหญ่ ก็คือ

  1. ศึกบอลลีก
  2. ศึกบอลถ้วย
  3. ศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก


แต่ก็มีบางประเทศอย่าง 1.ฝรั่งเศส พร้อมด้วย 2.อังกฤษ ที่มี 4 รายการ ขึ้นต้นซีซั่นมาได้ 3 เดือนแรก 4 บิ๊กโฟร์ อย่าง


  • ฝ่ายอาร์เซน่อล
  • ทีมเชลซี
  • หมู่แมนเชสเตอร์ ซิตี้ 
  • หมู่ลิเวอร์พูล 


ซึ่งก็ไม่ค่อยจะทำผลงานดีสักเท่าไหร่นักในทุกๆ รายการ เว้นก็แต่ คณะเชลซี ไว้หนึ่งกลุ่ม

กับโดยเฉพาะในเวทียุโรป ที่ทั้ง ทีมเรือใบ พร้อมทั้ง กลุ่มหงส์แดง แชมป์ด้วยกันรองแชมป์ลีกทันทีที่ฤดูกาลที่ทะลุทะลวงมา ต่างทำให้แฟนบอลพันธุ์แท้ของทั้ง 2 ฝ่ายนั้นกำลังปวดกระเพาะอาหารอยู่ เพราะว่าสถานการณ์รอบแบ่งกลุ่มไม่สู้ดีนัก




เปิดผนังกันที่ทีมลิเวอร์พูลภายหลังได้ลอดเข้ามาเล่นชปล ในปีนี้ ก็พลอยทำให้ผลงานทั้งในลีกพร้อมกับบอลถ้วยตกลงไปพอๆ กัน

ด้วยกันเพราะว่าในปีนี้ ทางศึกพรีเมียร์ลีก ได้แบ่งมาให้ฟรีทีวีดูด้วย ก็เลยมีบางอาทิตย์ผมได้ดูฟอร์มพวกจากอังกฤษ ซึ่งก็บอกเล่าเลยว่า ป้อแป้ สุดฤทธิ์ ถามว่าพวกเขามีศักยภาพที่จะชนะทุกๆ ทีมในกลุ่มตัวเองไม่ใช่หรือไม่ แน่นอนว่า 100 เปอร์เซนต์คือมีแน่ๆ เพราะด้วยโอกาสที่จะชนะ

แต่ว่าคำถามตรงหน้าคือ พวกเขาพร้อมใช่ไหมไม่ กับการเก็บ 3 คะแนนใน 6 เกมของรอบแบ่งกลุ่ม พูดได้เลยว่าไม่พร้อมอย่างแรง

พร้อมกับอันนี้เป็นความเห็นส่วนตัวที่ผมเชื่อว่าหลายๆ คนก็คิดเหมือนกัน ซึ่งผมได้นั่งคิดนอนคิดเกี่ยวกับผลงานในแชมเปี้ยนส์ ลีก ของเหล่าจากอังกฤษ ซึ่งปัญหามันน่าจักเริ่มทำมาจากจุดๆ เดียวกัน

ซึ่งนั่นก็คือโปรแกรมบอลเตะที่เกริ่นไปในข้างต้น ซึ่งผมมองว่านี่เป็นปัญหาหลัก ที่ทำให้ฝ่ายจากอังกฤษ ไปได้ไม่ถึงฝัน ด้วยการที่พวกเขามีรายการให้เล่นมากกว่าประเทศอื่นหนึ่งรายการ บวกกับยุคเวลานี้ที่ไม่มีการทิ้งถ้วยไหนๆ เหมือนเป็นเทรนด์ใหม่ ที่ขนาด เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน อดีตผู้จัดการเหล่า แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ผู้เคยพลีชีพด้วยการส่งเยาวชนลงทั้งพวกเพื่อทิ้งบอลถ้วยจนชาวบ้านชาวช่องด่ามาแล้ว ถึงขั้นบ้าจี้ทำตามอยู่หลายปี ด้วยการเอายิ่งในบอลถ้วยตามกระแสของ กรุ๊ปแมนฯ ซิตี้ และ ทีมเชลซี ที่มีขนาดทีมใหญ่ สมรรถเปลี่ยนผู้เล่นทั้งชุดก็ยังดูเป็นชุดใหญ่ได้มาแล้ว

ก็เหนื่อยสิครับงานนี้ พร้อมด้วยสุดท้ายแล้วก็กลายเป็นไม่ได้ดีทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นรายการไหนๆ จนทำให้เหล่าเกือบพัง แฟนบอลในไทยเกือบปิดเฟซบุ๊คกันแทบไม่ทัน

สังเกตไหมครับว่าศึก แคปิตอล วัน คัพ Big4 แดนผู้ดีเล่นเอาแท้จริงเหมือนกัน แม้จะมีหมุนเอาสำรองลงบางตำแหน่ง และมีถึง 2 เหล่าที่เข้าถึงรอบ 8 กรุ๊ปสุดท้าย

ซึ่งผมนั้นก็ขอยกตัวอย่างสโมสร ทีมลิเวอร์พูล ที่กุนซือ เบรนแดน ร็อดเจอร์ส ประกาศซื้อตัวเพื่อเอาไว้สับเปลี่ยนผู้เล่น ยามลงแข่งในฟุตบอล ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก แต่เจ้ากรรมดันโชคไม่ค่อยดี จับสลากมาอยู่กับ ฝ่ายเรอัล มาดริด แชมป์เก่า แถมมีเหล่าสุดอันตรายพร้อมทั้งประมาทไม่ได้อย่าง บาเซิ่ล อยู่ด้วย ทำให้งานมันดูยากขึ้นเหมือนกัน

เพราะที่หลายๆ ฝ่ายอาจจะมองว่าพวกเขา โชคไม่ดีที่ต้องไปอยู่กับกรุ๊ปที่เหนือกว่าทั้ง พวกเรอัล มาดริด แชมป์ปีที่แล้ว ด้วยกันแชมป์ 10 เวลา แต่ถ้าเจาะรายละเอียดลึกๆ แล้วพวกเขาไม่ได้พ่ายแล้วเล่นดีนี่สิ

กับผลบอล 0 - 3 ในถิ่น แอนฟิลด์ ก็ทำให้ใครๆ ก็ต่างโจมตีว่ามาตรฐานระหว่าง ฝ่ายเรอัล มาดริด และ กรุ๊ปลิเวอร์พูล มันต่างกันมาก

ซึ่งมันก็นักอยู่ที่ว่า กลุ่มราชันชุดขาว มีแนวรุกระดับโหดถึงขั้นทำเด็กร้องไห้ได้ แต่ผมเชื่อว่า ถ้าเป็น ฝ่ายหงส์แดง ปางฤดูกาลที่ลอดมา ช่วงที่พวกเขาชนะติดต่อกัน 11 นัด เอาฟอร์มแบบนั้นมาเตะเกมดังกล่าว เหล่าเรอัล มาดริด อาจจ๋อยกลับบ้านก็ได้



สู้ได้ดีกว่านัดแรก แม้จะแพ้ชุดขาวไป 0 - 1

ซึ่งมันก็ไม่สามารถเป็นแบบนั้นได้ รวมถึงผลงานรายการอื่นของ เหล่าลิเวอร์พูล ก็ไม่ได้ดีเสียด้วยสิ มันเลยทำให้พ่ายพังพาบอย่างที่เห็นผลบอล 0-3 ทั้งๆ ที่มองกันว่า 11 ผู้เล่นตัวยิ่งเกมดังกล่าว ถือว่าเป็นชุดที่ดีที่สุดของคณะเลยก็ว่าได้ จะขาดก็แต่ แดเนียล สเตอร์ริดจ์ เท่านั้น

พร้อมทั้งบางคนกราบทูลยังดีที่มันยังไม่ใช่เกมชี้เป็นชี้ตาย ถึง เหล่าหงส์แดง จำนนเกมนี้ ก็ยังมีอีก 3 นัดให้แก้ตัว แต่เจ้ากรรมจุดเปลี่ยนมันมาตั้งแต่นัดที่บุกไปพ่าย กรุ๊ปบาเซิ่ล 0 - 1 แล้วล่ะ เพราะแน่นอนว่าตามหน้าเสื่อ พวกเขาต้องลุ้นกับยอดทีมจากสวิส เพื่อแย่งตั๋วรอบน็อคเอาต์อีกใบ

แต่ว่าสถานการณ์ คราวนี้มันยิ่งลำบางขึ้นอีกขั้น โชคดีที่ หมู่บาเซิ่ล ดันปราชัย ลูโดโกเร็ตส์ ในเกมที่ 3 ทำให้พวกเขามีแต้มเท่ากันที่ 3 คะแนน ยังได้ลุ้นยาวๆ ใน 3 เกมสุดท้าย แต่การที่จักต้องไปเยือน ถิ่นซานติอาโก เบร์นาเบว เกม 4 คิดในแง่ร้ายไว้ก่อนว่าพวกเขาจักไม่ได้แต้มกลับไป กับ เหล่าบาเซิ่ล จักชนะ กลุ่มลูโดโกเร็ตส์ ได้ไม่ยาก

ซึ่งนั่นมันก็เป็นแบบนั้นแน่ๆๆ ที่พวกเขาปราชัย เหล่าเรอัล มาดริด 0-1 ด้วยกัน พวกบาเซิ่ล อัดไป 4-0 นำพวกเขา 3 แต้ม เหเอิกเกริกอีก 2 นัด


พร้อมทั้งในอาทิตย์นี้ พวกเขานั้นต้องไปเจอกับ เหล่า เชลซี อีก นั้นทำให้ ตัวบีร็อด ต้องพักตัวหลักมันซะเลย


กับนี่ก็กลายเป็นว่า ศึกแชมเปี้ยนส์ ลีก กลายเป็นถ้วยเล็กๆไปแล้วสินะ แล้วหันไปเอาจริงในลีกกับ แคปิตอล วัน คัพ ใช่ป่ะครับ??

อย่าทำเป็นเล่นนะครับ ในกลุ่มสำรองที่มี

  1. โคโล่ ตูเร่
  2. ลูคัส
  3. โจ อัลเลน
  4. เอ็มเร่ ชาน
  5. อดัม ลัลลาน่า
  6. ลาซาร์ มาร์โควิช 
  7. ฟาบิโอ บอรินี่ 


แต่ว่ากลับจำนน หมู่ชุดขาว แค่ 0 - 1 !!!!

ซึ่งวิเคราะห์บอลเรื่องนี้จะไม่เกิดขึ้นอีกเลยครับ ตัวผมมั่นใจว่า ก็เพราะว่ารูปเกมเตือนได้เลยว่า สู้ไม่ได้ ชัดเจน แต่มองในแง่ดีคือการได้กองหลังที่ยังดูไว้ใจได้อย่าง ตูเร่ ผู้พี่ คอยแก้ขัดเวลาเกิดเหตุการณ์คล้ายๆ แบบนี้ หมายถึงเอาลงเล่นบอลถ้วย อีกคนที่ต้องซูฮกกับรอบรู้หักหน้านักวิจารณ์หลายๆ คนได้ คือฟอร์มของ ซิมง มิโญเล่ต์ ด้วยการที่เพื่อนร่วมทัพหน้าเขา 10 คนปั้นให้ขนาดนี้ ต่อจากนั้นความมั่นใจคงมาเต็มเปี่ยม




เกมในนัดนี้พี่เจิดเป็นได้แค่ผู้ชมข้างสนามเท่านั้น


พร้อมกับนอกจากนี้ ตัวของบีร็อด ยังสติแตกถึงขั้นดรอป เจอร์ราร์ด ไว้ข้างสนาม ทั้งๆ ที่เจ้าตัวประกาศอำลาพวกชาติเพื่อจะมาเล่น ศึกแชมเปี้ยนส์ ลีก แม้สถิติเฉลี่ยออกมาจะดูเหมือนว่าทีมไม่มี กัปตันเจิด จักดูผลงานดีกว่าตอนมีอยู่ก็เถอะ มันก็เป็นตรรกะบางอย่างเท่านั้น แต่รูปเกมในสนามสิสำคัญ มี เจิด ก็ต้องดีกว่าอยู่แล้ว ถูกมั๊ย แฟนหงส์

แล้วคำถามภายหลังนี้คือ

  • ประการแรก พวกลิเวอร์พูล เหตุการณ์จะเป็นอย่างไรต่อจากนั้น. 
  • ประการที่สอง ซึ่งการที่ไม่มี หลุยส์ ซัวเรซ คนเดียว ทำให้กรุ๊ปเปลี่ยนได้ถึงขนาดนี้เลยหรือไม่. 
  • ประการที่สาม การที่เอานักเตะตัวหลักที่ฟอร์มไม่ดีไปพัก จักได้ผลในเกมกับ หมู่เชลซี ไม่ใช่หรือไม่. 
  • ประการที่สี่ ในเกมนัดชี้ชะตากับ กลุ่มบาเซิ่ล ในนัดสุดท้ายผลจักออกมาเป็นอย่างไร. 
  • ประการที่ห้า ฝ่ายลิเวอร์พูล นั้นจักเข้ารอบ 16 หมู่สุดท้ายหรือไม่ไม่. 
  • ประการที่หก แล้วแชมป์ลีกล่ะ. 
  • ประการที่เจ็ด กลุ่มนั้นจักยังเป็นได้เบียดขึ้นไปลุ้นได้อยู่ใช่ไหมเปล่า.
  • ประการที่สุดท้าย พร้อมด้วยใครที่จะเข้ามาอุดรอยที่ ซัวเรซ ได้. 


ซึ่งคำถามตามมาอื้อซ่ามากๆ

ในทุกสิ่งทุกอย่างจักได้คำตอบในไฮไลท์ฟุตบอลเร็ววันนี้ครับ ต่างว่าพวกเขายังจับปลาหลายๆ มืออยู่ เน้นทุกถ้วย ไม่ว่าจะ

  • ศึกเกมลีก
  • ศึกแชมเปี้ยนส์ ลีก
  • ศึกแคปิตอล วัน คัพ 
  • ศึกเอฟเอ คัพ 

ซึ่งกำลังจักเตะปีหน้า นั่นจักทำให้พวกเขาพังแน่นอน เพราะว่าหลายๆ หมู่ก็พังมาแล้ว จะมาหวังให้เป็นเหมือน ทีมปีศาจแดง ในปี 99 มันก็คนละยุคกาลเวลากัน ฟุตบอลยุคนี้ทำแบบนั้นได้ยากแล้ว แต่ถ้าพวกเขาเระบือกที่จักทิ้งอะไรสักอย่างไป อาจจะทำให้บางอย่างที่เขาถืออยู่ ได้ของที่ล้ำค่ามาก็เป็นได้

โดยจักต้องมาพบเกมกับ กลุ่มเชลซี วันเสาร์นี้ น่าจะทำให้เห็นอะไรได้หลายอย่างแล้ว เพราะแนวทางต่อจากนั้นของ ร็อดเจอร์ส

พร้อมทั้งท้ายนี้ ส่วนตัวผมยังเชื่อว่า มาริโอ บาโลเตลลี่ ยังใช้ประโยชน์ได้อยู่ครับ พี่แกเป็นนักเตะตระกูลต้องโอ๋ อย่าไปจวกไปสับเขา แล้วเดี๋ยวจะเล่นดีเอง

พร้อมกับเหตุผลของการดรอป เจอร์ราร์ด มองในแง่ดี อาจจะทำให้เจ้าตัวแผลงฤทธิ์ในเกมวันเสาร์ กู้หน้าจากที่เคยลื่นทำถ้วยแชมป์พรีเมียร์ลีก หลุดมือจนกระทั่งปีที่แล้วก็เป็นได้

ซึ่งถ้าจักมาปิดโอกาสการประสบความสำเร็จของ คณะลิเวอร์พูล ในฤดูกาลนี้ ต้องบรรยายเลยว่าอย่าเพิ่งนะครับ เพราะว่าอย่างไรก็ตาม พวกเขาเป็นคณะที่อันตราย แม้ช่วงนี้จะขาลง แต่ลงก็ต้องมีขึ้น อยู่ที่ว่าเขาจักเลือเลื่องก เปลื้องด้วยกันจับอะไร แต่ถ้าจับไว้หมดล่ะก็

วันจันทร์ที่ 20 ตุลาคม พ.ศ. 2557

วิเคราะห์บอลพรีเมียร์ลีกฤดูกาลตรงนี้ ปืนใหญ่เป็นเจ้าของแชมป์ค่าตั๋วมีราคาที่สุดณลีก

พรีเมียร์ลีกฤดูกาลนี้ ปืนใหญ่ครองชมค่าตั๋วแพงที่สุดในลีก




ขายตั๋วหรือไม่ขายอะไรกันเนี่ย? ล่าสุดทางสำนักข่าว BBC ได้ออกมาตีแผ่ผลสำรวจสนนราคาตั๋วเข้าชมการแข่งขันฟุตบอลของแต่ละเหล่าในศึกพรีเมียร์ลีกอังกฤษ เพราะว่าสนนราคาตั๋วที่แพงที่สุดในในเวลานี้เป็นของทางด้านฝ่าย อาร์เซน่อล โดยราคาจะอยู่ที่หมาย 5,335 บาท พร้อมกับตั๋วที่ถูกสุดเป็นของกลุ่ม นิวคาสเซิ่ล เพราะค่าตั๋วจะอยู่ที่คาดคะเน 825 บาท

ซึ่งสนนราคาของตั๋วที่จักเข้าชมศึกพรีเมียร์ลีกอังกฤษ ในนัดต่างๆ นั้น ทีมที่ครองอันดับสนนราคาตั๋วที่แพงที่สุดก็คือกรุ๊ป อาร์เซน่อล พร้อมด้วยเป็นราคาที่เรียกได้ว่า แพงที่สุดใน 20 กลุ่มของลีก เพราะว่าข้อมูลนี้ทางสำนักข่าว BBC ได้ทำการสำรวจข้อมูลสถิติสนนราคาของตั๋ว ซึ่งผลที่ได้ออกมาคือหมู่ปืนใหญ่ อาร์เซน่อลนั้นมีการจำหน่ายค่าบัตรเข้าชมฟุตบอล สนนราคาที่สูงที่สุดอยู่ที่ ใบละ 97 ปอนด์ หรือไม่เกือบเป็นงินไทยอยู่ที่ ใบละ 5,335 บาทเลยทีเดียว

กับจากการที่ทาง BBC ได้ออกมาเผยข้อมูลล่าสุดนี้ ทำให้พบข้อมูลในอดีตว่าหมู่ที่ยังมีอันดับการจำหน่ายตั๋วแพงที่สุดก็ยังคงเป็นหมู่ อาร์เซน่อล เช่นเดิม ถึงแม้ว่าจะมีการลดมูลค่ามาแล้วจากฤดูกาลก่อนหน้านี้ที่ได้จำหน่ายในมูลค่า 126 ปอนด์ ใช่ไหมคิดเป็นเงินไทยหมาย 6,930 บาท ทั้งยังครองอันดับตั๋วเข้าชมรายปีแพงที่สุด ซึ่งมีราคาอยู่ที่ 2,013 ปอนด์ หรือคิดเป็นเงินไทยคาดว่า 110,000 บาท ส่วนราคาที่ถูกที่สุดนั้นอยู่ที่ 1,014 ปอนด์ หรือไม่คิดเป็นเงินไทยประมาณการ 55,770 บาท

กลับกันในขณะที่ สโมสรที่มีราคาตั๋วในแต่ละเกมส์ที่ถูกที่สุดนั้นเป็นของพวก นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด ซึ่งได้จำหน่ายในค่าที่ถูกที่สุด อยู่ที่ใบละ 15 ปอนด์ หรือไม่ก็คิดเป็นเงินไทยคาดว่า 825 บาท ส่วนทางด้านของแชมป์เก่าในฤดูกาลที่แล้วอย่างกลุ่ม แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เรียกได้ว่าเป็นหมู่ที่จำหน่ายตั๋วรายปีถูกที่สุด ค่าอยู่ที่ 229 ปอนด์ ไม่ก็คิดเป็นเงินไทยราวๆ 12,595 บาท

อันดับรายนาม 5 ฝ่ายแรกของศึกพรีเมียร์ลีก ที่มีค่าตั๋วแพงที่สุด

  1. อาร์เซน่อล อยู่ที่ใบละ 97 ปอนด์ หรือคิดเป็นเงินไทยเกือบ 5,335 บาท
  2. เชลซี อยู่ที่ใบละ 87 ปอนด์ ไม่ก็คิดเป็นเงินไทยกะ 4,785 บาท
  3. ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ อยู่ที่ใบละ 81 ปอนด์ หรือว่าคิดเป็นเงินไทยเกือบ 4,455 บาท
  4. เวสต์แฮม ยูไนเต็ด อยู่ที่ใบละ 75 ปอนด์ หรือไม่ก็คิดเป็นเงินไทยเกือบ 4,125 บาท
  5. ควีนส์ปาร์ค เรนเจอร์ส อยู่ที่ใบละ 70 ปอนด์ หรือว่าคิดเป็นเงินไทยกะ 3,850 บาท

เห็นราคาตั๋วแบบนี้แล้วแฟนบอลชาวไทยอย่างเราๆ คงจะคิดว่า ไปดูที่ลานเบียร์ดีกว่ามั้ง ประหยัดตังไปได้หลายบาทเลยทีเดียว แต่ถ้าถ้าใครที่อยากได้ได้รับความมันส์แบบติดขอบสนามก็คงต้องขอเล่าว่า โชคดีเดินทางปลอดภัย ซื้อของมาฝากด้วยนะครับ ฮ่าๆๆ เพราะวันนี้ก็ต้องขอลาไปก่อนนะครับ สวัสดีครับ
ติดตามข่าวฟุตบอล วิเคราะห์ผลบอล ไฮไลท์พรีเมียร์ลีก ตารางบอล พรีเมียร์ลีก ผลบอล เพิ่มเติมได้ที่นี่

วันอาทิตย์ที่ 19 ตุลาคม พ.ศ. 2557

ฟุตบอล: มาเพ่งที่สุดเครื่องใช้ศึกพรีเมียร์ลีก 7 นัดแต่แรกกันดีกว่า

วิเคราะห์บอลพรุ่งนี้ ที่สุดของที่สุดในช่วงขึ้นต้นออกสตาร์ต




ในเกมส์ฟุตบอลสุดอาทิตย์นี้บรรยากาศของพรีเมียร์ลีกจักกลับมาอยู่ในสภาวะปกติ หลังจากที่ได้พักยาวมาถึงสองอาทิตย์เพื่อหลีกทางให้โปรแกรมบอลฝ่ายชาติ เพราะว่าแต่ละคณะจะต้องลงมาห้ำหั่นกันอีกครั้ง เพื่อจะไปให้ถึงเป้าหมายที่วางไว้ จนถึงทะลุทะลวงพ้นอีก 31 นัดต่อจากนี้

และเพราะด้วยการขับเคี่ยวกันในช่วงออกสตาร์ตของฤดูกาลกาลนี้ก็ได้ทะลุทะลวงไปแล้ว 7 นัดแรก ซึ่งก็พอจะทำให้มองเห็นภาพได้คร่าวๆ ว่าหน้าตาของฤดูกาลนี้น่าจะออกมาเป็นยังไงบ้าง ด้วยกันหนังสือพิมพ์เดอะการ์เดียนได้หยิบประเด็นที่น่าสนใจเกี่ยวกับความเป็นที่สุดๆ จากช่วงเริ่มต้นต้นฤดูกาลนี้มาให้ดูกันว่ามีอะไรที่น่าสนใจบ้าง





1.นักเตะที่เด่นที่สุด: ดิเอโก้ คอสต้า


เพราะด้วยการเสริมทัพของเชลซีในซัมเมอร์นี้ดูจะลงล็อกไปหมด ทั้ง 1.ติโบต์ กูร์กตัวส์, 2.เชส ฟาเบรกาส กับ 3.ดิเอโก้ คอสต้า ที่ต่างก็เขยิบมาด้วยกันโชว์ฟอร์มได้อย่างโดดเด่น และเป็นกำลังสำคัญในการพาสิงโตสีครามทะยานขึ้นจ่าฝูงแบบนำโด่ง

ซึ่งตัวของคอสต้าคือคนที่เข้ามาอุดช่องโหว่ ไม่ใช่หรือเข้ามาแก้ปัญหาที่เคยเจอจากฤดูกาลก่อน ให้กับกรุ๊ปของ โจเซ่ มูรินโญ่ ได้อย่างแท้ครัน ด้วยการทำประตูได้อย่างต่อเนื่องด้วยกันเป็นกอบเป็นกำถึง 9 ลูก เข้าไปแล้วเฉพาะในลีก ด้วยกันผลงานของเขาก็โดดเด่นเกินหน้าเกินตาดาวเตะทั้งหน้าเก่าหน้าใหม่คนไหนๆ จนถึงในเวลานี้





2.เป็นเกมที่หักมุมที่สุด :  ทีมเลสเตอร์ 5-3 กลุ่มแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด


ซึ่งภายหลังชนะนัดแรกในฤดูกาลได้ในเกมที่ 4 ด้วยการเปิดบ้านไล่ทุบ กลุ่มควีนส์ปาร์ค 4-0 พวกแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ก็ทำท่าเหมือนจะเรียกความมั่นใจกลับมาได้

และตราบใดยกพลไปเยือนอีกหนึ่งน้องใหม่อย่าง กลุ่มเลสเตอร์ในเกมถัดไป พวกปิศาจแดงที่คับคั่งด้วยซูเปอร์สตาร์ทั้งเก่ากับใหม่ ก็โชว์ฟอร์มได้อย่างจี๊ดจ๊าด พร้อมทั้งขึ้นนำผลบอล 2-0 อย่างรวดเร็ว ก่อนขยับหนีไปเป็น 3-1 อีกก่อนที่ทุกอย่างจักพลิกผัน พอเสียจุดโทษแบบโชคร้ายโดนไล่มา พร้อมทั้งโดนตีเสมออีกอย่างรวดเร็ว

โดยภายหลังนั้นทุกอย่างก็ปั่นป่วนไปหมดด้วยผีแดง ก่อนจะโดนแซงขึ้นนำ 4-3 และเหลือกระฉ่อนผู้เล่น 10 คน ในช่วงท้ายเกมจนโดนประตูที่ 5 ปิดท้าย นับเป็นครั้งแรกในรอบ 853 นัดที่ เหล่าแมนฯ ยูไนเต็ดลงเตะพรีเมียร์ลีกมา ที่ เปลื้องให้การขึ้นนำ 2 ประตู กลับมาเป็นความพ่ายแพ้ได้





3.เป็นฝ่ายที่สร้างเซอร์ไพรส์ที่สุด: กรุ๊ปเซาธ์แฮมป์ตัน


ทีมเซาธ์แฮมป์ตันได้เสียดาวดังของกลุ่มไปเป็นกระบิในช่วงซัมเมอร์ ไม่เว้นแม้กระทั่งผู้จัดการกลุ่ม ด้วยกันทำท่าว่าจักได้รับผลกระทบเต็มๆ

โดยภายหลังที่ โรนัลด์ คูมัน ได้นำกรุ๊ปออกสตาร์ตนัดแรกด้วยความพ่ายปราชัย กับในนัดต่อมาก็ทำได้แค่เสมอ

แต่ครั้งได้นักเตะใหม่อย่างกราเซียโน่ เปลเล่ เกริ่นที่จะติดเครื่องได้ในการเข้ามาแทนที่ ริคกี้ แลมเบิร์ต ขณะที่ ดูซาน ทาดิช ก็ได้เข้ามารับหน้าที่สร้างสรรค์เกมแทน อดัม ลัลลาน่า ที่จากไป พวกนักบุญก็เกริ่นต้นโชว์ฟอร์มได้อย่างไหลลื่นเหมือนเดิม หรือไม่อาจจะมากกว่าเดิม จนทะยานขึ้นมารั้งอันดับ 3 ของตารางแล้ว หลังชนะติดต่อกันถึง 4 นัด ก่อนจักเพิ่งพ่ายแพ้อีกครั้งในเกมล่าสุด





4.เป็นเหล่าที่เดี้ยงเยอะแยะที่สุด: ทีมอาร์เซนอล


ซึ่งทางด้านของ แชด ฟอร์ไซธ์ สตาฟฟ์โค้ชด้านฟิตเนสของเยอรมัน อำลากรุ๊ปแชมป์โลกมาร่วมงานกับกลุ่มอาร์เซนอลในซัมเมอร์นี้

กับกลับกลายเป็นว่าทีมปืนใหญ่ยังถูกรุมเร้าด้วยปัญหาการบาดเจ็บของนักเตะอื้อเหมือนเดิม ไม่ใช่หรืออาจจะมากกว่าเดิมด้วยซ้ำ

ซึ่งเมื่อดาวดังหลายคนเดี้ยงกันตั้งแต่ต้นซีซั่น จนต้องพักยาวบ้างสั้นบ้างมาเกือบครบตัวหลักๆ แล้ว พร้อมทั้งอาจจะมีส่วนทำให้ผลงานของกรุ๊ปไม่เปรี้ยงอย่างที่คาดหวังไว้ ด้วยกันยังอยู่เท่าอันดับ 8 ของตารางเท่านั้น จากการชนะแค่ 2 จาก 7 นัดแรก





5.เป็นซีนที่ดราม่าที่สุด: คราวแฟรงค์ แลมพาร์ด ยิงประตูเหล่าเชลซี


กลุ่มเชลซีชนะถึง 6 จาก 7 นัดแรกในฤดูกาลนี้ เพราะเกมเดียวที่เสมอคือนัดที่ไปเยือน ทีมแมนเชสเตอร์ ซิตี้

นัดนี้กรุ๊ปสิงห์ครามเกือบจักเอาชนะ ฝ่ายแชมป์เก่าได้อยู่แล้ว แต่ก็ถูกปฏิเสธโอกาสนั้นเพราะว่า แฟรงค์ แลมพาร์ด นักเตะที่เคยสร้างสถิติไว้กับคณะมากมาย ก่อนจะถูก ปลดเปลื้องตัวออกไปในซัมเมอร์นี้

เพราะว่ามิดฟิลด์วัย 36 ปี ได้ถูกส่งลงมาเป็นตัวสำรองให้ กรุ๊ปเรือใบสีฟ้า ซึ่งยืมตัวเขามาจาก ฝ่ายนิวยอร์ก ซิตี้ ต้นสังกัดใหม่ในเมเจอร์ลีก พร้อมทั้งได้ยิงประตูตีเสมอฝ่ายเก่าของตัวเองได้ก่อนหมดเวลา 5 นาที ด้วยกันเป็นไปตามธรรมเนียที่เจ้าตัวจะไม่แสดงความดีใจออกมา

เพราะท่านทำได้ติดตามชม ไฮไลท์พรีเมียร์ลีก ไฮไลท์ฟุตบอล เพิ่มเติมได้เลย


ที่มา: http://footballclubpza.blogspot.com/

วันพุธที่ 8 ตุลาคม พ.ศ. 2557

ผลบอล: วิพากษ์การวิเคราะห์ผลบอลแบบสรรพสิ่ง รอย คีน

วิพากษ์วิจารณ์สไตล์ รอย คีน





เพื่อหน้าข่าวกีฬาของหนังสือพิมพ์อังกฤษ ในช่วงต้นสัปดาห์ที่ตัดผ่านมา ก็คงไม่มีประเด็นไหนชิงพื้นที่สื่อได้มากเท่ากับเนื้อหาในหนังสืออัตชีวพระราชพงศาวดารเล่มที่สองในชีวิตของ รอย คีน อดีตกัปตันหมู่แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่ถูกนำออกมาแสดงตนแพร่ให้ได้ชิมลางกันเป็นน้ำจิ้ม ก่อนที่หนังสือที่ชื่อว่า The Second Half ของเขาจักวางขายอย่างเป็นทางการในวันพฤหัสบดีนี้

ตัวของรอยคีน 43 ปี เพราะที่ในปัจจุบันนั้นมีตำแหน่งเป็นผู้ช่วยโค้ชของหมู่ชาติไอร์แลนด์พร้อมด้วย เหล่าแอสตัน วิลล่า ขึ้นชื่อในเรื่องของความเป็น คนโผงผาง พร้อมด้วย อารมณ์ร้อน มาแต่ไหนแต่ไร จนทำให้เขาต้องแยกทางกับปิศาจแดงแบบจบไม่สวยในปี 2005 ภายหลังที่ได้ยักย้ายถ่ายเทมาร่วมเหล่าตั้งแต่ปี 1993 ด้วยกันเป็นกำลังสำคัญของทีมมาตลอด รวมถึงได้สวมปลอกแขนกัปตันพวกต่อจาก เอริก คันโตน่า ด้วย

เพื่อเนื้อหาเด็ด ๆ ในหนังสือฉบับนี้ของคีนคงหนีไม่พ้นการแฉวิเคราะห์บอลพร้อมทั้งดับเครื่องชนทั้งอดีตกุนซืออย่าง เซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน พร้อมทั้ง อดีตเพื่อนรวมกลุ่ม พร้อมด้วยนี่คือส่วนหนึ่งของเนื้อหาแสบๆ คันๆ ที่มาจากมุมมองพร้อมกับความเห็นของคีโน่


รอย กล่าวถึง เซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน




ถ้าถ้าหากเขาทำดีด้วย ผมจักคิดทันทีว่า นี่ต้องเป็นเรื่องของผลประโยชน์แน่ ซึ่งเขากระหายความสำเร็จกับไม่ยอมอ่อนข้อให้ใคร การไม่อ่อนโยนกับใครคือจุดเด่นของเขา พวกแมนฯ ยูไนเต็ดเป็นสโมสรที่ใหญ่กว่ากรุ๊ปน็อตติ้งแฮม ฟอเรสต์มาก แต่ความเย็นชาของเขาก็ทำให้เขาประสบความสำเร็จ ในฐานะผู้จัดการคณะแล้ว ผมหิวเอาความอ่อนโยนของไบรอัน คลัฟกับความเฉียบขาดของเฟอร์กูสันมาผสมกัน แต่แน่นอนว่าต้องใส่ตัวตนของผมลงไปด้วยนะ



รอย กล่าวถึง เหล่าคลาสออฟ 92



เหตุด้วยหมู่ฟุตบอลชุดคลาสออฟ 92 นั้นเป็นนักเตะที่ดี แต่บทบาทของพวกเขาที่มีต่อสโมสรถูกยกยอจนเกินสุทธิไปหน่อย โดยคลาสออฟ 92 ดูเหมือนจักมีชื่อเสียงเฉพาะตัว กลายเป็นเหมือนยี่ห้อสินค้า เหมือนกับเป็นอีกเหล่าหนึ่งในพวกของเรา พร้อมกับพวกเขาก็เหมือนจะชอบซะด้วย แต่เราทั้งหมดต่างก็มีเป้าหมายเดียวกัน เราทั้งหมดต่างก็มีความกระหายเหมือนกัน





รอย กล่าวถึง พอล สโคลส์




ด้านของสโคลซี่เป็นสุดยอดนักเตะนักๆ แต่ผมไม่ค่อยปลื้มกับภาพลักษณ์ความเป็นคนที่แสนจักติดดินของเขาเท่าไหร่นัก เขามีด้านอื่นๆ อีกมากหลาย แต่ทุกคนดูเหมือนจะคิดว่าเขายังอยู่แฟลตของรัฐบาลอยู่เลยมั้ง


รอย กล่าวถึง ปีเตอร์ ชไมเคิล




ตัวผมเองเคยมีเรื่องกับ ปีเตอร์ ตอนที่ได้ออกทัวร์ปรีซีซั่นจนถึงปี 1998 คิดว่าน่าจักเป็นที่ประเทศฮ่องกงนะ ความเมาก็มีส่วนแหละ เขาบ่งบอกว่า ฉันบุกเบิกเบื่อนายเต็มทีแล้ว เราต้องมาเคลียร์กันซักหน่อย

ผมก็เลยแจ้งให้ทราบว่า ได้เลย แล้วเราก็ซัดกันนัว ผมตื่นมาวันรุ่งขึ้นแล้วจำอะไรไม่ค่อยได้มากนัก รู้แต่ว่ามือผมช้ำแล้วนิ้วก็ซ้น

ตอนนั้นเจ้านายด่าเราเละ ตอนที่อยู่บนรถบัส แล้วก็มีคนพูดเรื่องที่ผมกับปีเตอร์ทะเลาะกันที่โรงแรมให้ฟัง ตอนนั้นนิคกี้ บัตต์เอื้อนผมว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง ปีเตอร์คว้าคอผมแล้วผมก็เฮดบัตต์เขา หลังจากนั้นเราก็ชุลมุนกันอยู่นาน



รอย กล่าวเรื่องการไม่ตรวจ ยาโด๊ปของ ริโอ เฟอร์ดินานด์




ซึ่งเขาเองนั้นก็ได้รับผลเสียจากเรื่องนี้กับฝ่ายก็เช่นกัน ถ้าผมเป็นเขา และหมอทูลว่าผมต้องไปตรวจโด๊ป ผมก็คงจักไปตรวจ มันไม่ใช่เรื่องอะไรที่เราจักลืมกันได้ง่ายๆ

พร้อมด้วยมันไม่ใช่การไปรับจดหมายที่ไปรษณีย์ หรือไม่ก็ลืมเอารองเท้ามา

ซึ่งในตอนที่หมออื้นว่าคุณต้องไปตรวจโด๊ปนะ มันไม่ใช่เรื่องที่ทำกันอยู่ทุกวัน แต่ก็ยังมีบางคนขี้ลืมได้อย่างเหร่ำลือเชื่อ

ตัวผมไม่ได้มองว่าริโอมีเหตุผลอะไรซ่อนเร้นนะ ผมคิดว่าเขาลืมจริงๆ พร้อมด้วยเราก็ต้องชดใช้ เขาเป็นนักเตะที่เก่งมากคนหนึ่งด้วยกันเราก็ขาดเขาไป โดยเฉพาะในครึ่งหลังของฤดูกาลตอนที่การขับเคี่ยวเป็นไปอย่างเข้มข้น



รอย กล่าวถึง คริสติอาโน่ โรนัลโด้




ในนัดที่เราไปเตะกับสปอร์ติ้ง ลิสบอนเพื่อฉลองเปิดสนามศึกฟุตบอลพรีเมียร์ลีกใหม่ของพวกเขา ผมได้เห็นว่าโรนัลโด้เล่นได้แจ๋วแค่ไหนในวันนั้น เขาต้องดวลกับจอห์น โอเชีย พร้อมทั้งทำเอาเชียซี่แทบต้องขอยาแก้ปวดหัวกินในช่วงพักครึ่ง ก็เพราะว่าตาลายกับลีลาการสับขาหลอกของเขา

หลังจากที่สโมสรบรรลุข้อตกลงซื้อขายเขาเลยหลังเกมนั้น เรายังอำกันอยู่เรื่อยๆ ว่าจริงๆ แล้วเชียซี่คือคนที่ทำให้ดีลนี้เกิดขึ้น ด้วยการเล่นได้ห่วยแตกมากในเกมนั้น

ส่วนตัวผมชอบโรนัลโด้ตั้งแต่แรกเลย เขามีความมุ่งมั่นกับทัศนคติที่ดี พอได้เห็นเขาซ้อมแค่ไม่กี่วัน ผมคิดเลยว่าเด็กคนนี้ต้องเป็นหนึ่งในนักเตะที่ดีที่สุดของโลกในอนาคตแน่

กับเขาเพิ่งจะอายุแค่ 17 ปีแต่กลายเป็นนักเตะที่ขยันซ้อมที่สุดคนหนึ่งในหมู่ทันที เขารูปหล่อกับเขาก็รู้ตัวด้วย พอมองดูนักเตะคนอื่นๆ ในกระจก ผมคิดว่าพวกแกนี่หุ่นไม่ได้เรื่องเลย แต่โรนัลโด้ดูใสซื่อพร้อมด้วยดูดีนักๆ




รอย กล่าวเรื่อง การขัดแย้งกับตัว คาร์ลอส คีรอซ





ซึ่งผมได้ย้ำเขาว่า อย่าสะเออะ มาพูดกับผมเรื่องความจงรักภักดีนะคาร์ลอส ขณะไม่กี่ปีก่อนคุณเพิ่งทิ้งเหล่านี้เพื่อไปดูแลเรอัล มาดริดภายหลังอยู่ได้แค่ 12 เดือน อย่าบังอาจมาสงสัยเรื่องความจงรักภักดีของผม ผมเคยมีโอกาสจักได้เลื่อนไปยูเวนตุสพร้อมทั้งบาเยิร์น มิวนิคมาแล้ว




รอย กล่าวถึง จุดแตกหักกับ เหล่าแมนฯ ยูไนเต็ด





ตัวผมนั้นเพิ่งรู้มาไม่กี่วันก่อนว่าสโมสรพยายามจะเขี่ยผมทิ้ง ผมกล่าวกับเฟอร์กูสันว่า ผมจะขอไปเล่นให้กรุ๊ปอื่นได้มั้ย? ซึ่งเขาก็แสดงว่า ได้เลย เพราะว่าเราจะฉีกปฏิญาณนายทิ้งอยู่แล้ว ผมเลยคิดว่า ได้เลย ผมจะจัดการเรื่องนี้เอง

ในตอนนั้น ผมรู้ว่าหลายคณะนั้นจักติดต่อมาแน่ถ้าข่าวนี้ออกไป ผมเลยรับสั่งไปว่า งั้นผมคิดว่าเราคงต้องจบกันแค่นี้แล้วล่ะ ตอนนั้นผมแค่คิดว่าไอ้พวกงี่เง่าเอ๊ย แล้วผมก็ยืนขึ้นพร้อมด้วยพูดว่า โอเค งั้นผมไม่อยู่ต่อ




เก่งติดตามชม ไฮไลท์ฟุตบอล ตารางคะแนนพรีเมียร์ลีกล่าสุด ผลบอล ได้ที่ http://footballclubpza.blogspot.com/


วันจันทร์ที่ 6 ตุลาคม พ.ศ. 2557

ทดข่าวคราวโปรแกรมบอลศึกตารางพรีเมียร์ลีกในรอบสัปดาห์ที่ตัดผ่านมา 29 ก.ย. - 5 ต.ค.

วิเคราะห์บอล : เท่าที่ฟานกัลได้ชูเดเคอาหนึบได้ใจนัดโค่นทอฟฟี่




ภายหลังที่ ฟาน กัล ได้ซูฮก เด เคอา โคตรหนึบ เซฟลูกยากๆ หลายครั้งนัดเฉือนชนะคณะ ทอฟฟี่สีน้ำเงิน 2 - 1 พร้อมชมลูกพวก ฟัลเกา หลังเปิดซิงตุงแรกในสีเสื้อ ปีศาจแดง ได้สำเร็จ

เพราะว่าที่หลุยส์ ฟาน กัล ผู้จัดการฝ่ายแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด สโมสรชั้นนำแห่งศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ออกโรงยกย่อง ดาบิด เด เคอา นายทวารชาวสแปนิช ภายหลังโชว์ฟอร์มได้อย่างยอดเยี่ยมเซฟลูกยิงอันตรายๆ ของคู่แข่งได้มากมายในเกมที่กลุ่ม ปีศาจแดง เปิดรัง โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด คว้าชัยเหนือ เอฟเวอร์ตัน 2-1 เมื่อวันอาทิตย์ที่ข้ามมา 5 ตุลาคม

ทางด้านของ กุนซือใหญ่ แมนฯ ยูไนเต็ด ให้สัมภาษณ์ว่า คณะเอฟเวอร์ตัน มีโอกาสสับไกนอกกรอบเขตโทษหลายต่อหลายครั้ง ด้วยกันพวกเขาก็ทำมันได้ดีอีกด้วย แต่ ดาบิด เด เคอา นั่นก็โชว์เซฟได้อย่างยอดเยี่ยมแน่ๆๆ ซึ่งมันไม่ใช่เรื่องง่ายเลยเพราะด้วยเขา เพราะว่ามันมีผู้เล่นมากมายหลายคนที่ยืนบังสายตาเขาอยู่ แต่เขาก็ทำมันได้ ผมประทับฟอร์มการเล่นของเขาจริงๆๆ เมื่อคุณเซฟจุดโทษได้ พร้อมด้วยมาเซฟลูกยากๆ อีก 3 ครั้ง คุณนี่มันเยี่ยมเป็นแน่แท้ๆ

ซึ่งพร้อมกันนี้ ทางด้าน ฟาน กัล ยังกล่าวชื่นชม ราดาเมล ฟัลเกา หลังประตูแรกในสีเสื้อกลุ่ม ปีศาจแดง ได้แล้วว่า เขาเกือบจักยิงได้ตั้งแต่นัดที่แล้วที่เจอกับฝ่าย เวสต์แฮม ยูไนเต็ด จากนั้นผมก็ย้ำเตือนเขาว่าผมประทับใจในฟอร์มการเล่นของเขามาก ๆ และเดี๋ยวเรื่องการยิงประตูมันก็จักเข้ามาเอง พร้อมด้วยวันนี้มันก็มาแท้จริงๆ เขาจักทำผลงานได้ดีกว่านี้แน่นอนหลังจบพักเบรกคณะชาติ


สิงห์ทุบปืนแตก 2 - 0 รั้งจ่าฝูงจากนั้น




ครั้นเมื่ออาซาร์ ควงคู่ คอสต้า ทำคนละลูกพาหมู่ สิงห์บลูส์ เปิดบ้านไล่ทุบพวก ปืนใหญ่ สบายๆ 2-0 เก็บเพิ่มเป็น 19 แต้ม รั้งจ่าฝูงของลีกต่อจากนั้นอย่างเหนียวแน่น

ด้วยกันสำหรับการแข่งขัน ฟุตบอล ศึกพรีเมียร์ลีกอังกฤษ ในฤดูกาลที่ 2014-2015 ศึกลอนดอน ดาร์บี้ แมตช์ เจ้าบ้านกลุ่ม สิงโตน้ำเงินคราม เชลซี เปิดสนามสแตมฟอร์ด บริดจ์ ต้อนรับการมาเยือนของกรุ๊ป ปืนใหญ่ อาร์เซน่อล

ภายหลังเปิดมู่ลี่ไปได้ 10 นาที เกมก็ต้องหยุดไปชั่วคราว หลัง ธีโบต์ กูรก์ตัวส์ มีปัญหาบาดเจ็บ ในจังหวะที่ถูก อเล็กซิส ซานเชส วิ่งมากระแทกใส่เข้าที่ศีรษะ

นาทีที่ 20 แกรี่ เคฮิลล์ มารับใบเหเลื่องลืองไป หลังพุ่งเข้าไปเสียบใส่ อเล็กซิส แบบน่าเกลียดสองนาทีต่อมา คาลั่ม แชมเบอร์ส มาโดนไปบ้าง หลังวิ่งเข้าไปผลักใส่ เอแด็น อาซาร์ จากทางด้านหลัง

นาทีที่ 24 เชลซี ต้องถอด กูรก์ตัวส์ ออกไป หลังมีปัญหากระทบกระเทือนทีศีรษะในจังหวะที่ถูกชนใส่ก่อนหน้านี้ รวมทั้งมีเเลื่องดออกที่หู ทำให้ต้องส่ง ปีเตอร์ เช็ก ลงมาเฝ้าเสาแทน

นาทีที่ 27 พวกเชลซี มาได้ลูกจุดโทษ จากจังหวะที่ โลร็องต์ กอสเชลนี่ ไปแหย่ขาดักใส่ เอแด็น อาซาร์ ล้มในเขตโทษ ผู้ตัดสินชี้เป็นจุดโทษพร้อมชักใบเหเล่าลืองให้เจ้าตัวทันที และเป็น อาซาร์ ที่ลุกขึ้นมาสังหารเองด้วยการแปเรียดไปทางขวาของตัวเองเข้าไปแบบง่ายๆ เจ้าถิ่นขึ้นนำ 1-0

ซึ่งช่วงท้ายครึ่งแรกไม่มีจังหวะทำประตูเพิ่ม หมดเวลาเป็นทาง เชลซี นำไปก่อน 1-0

เกมส์เข้าสู่ช่วงครึ่งหลังนาทีที่ 53 คราวนี้ บรานิสลาฟ อิวาโนวิช มาโดนเหเล่าลืองไปบ้าง หลังเจตนาเข้าไปสอยใส่ ซานติ กาซอร์ล่า แบบไม่มียั้ง

นาทีที่ 63 กรุ๊ปอาร์เซน่อล พลาดโอกาสที่จักได้จุดโทษ จากจังหวะที่ แจ็ค วิลสนับสนุน ซัดจากนอกเขตโทษไปติดโดนแขน เชส ฟาเบรกาส ที่ล้มตัวสไลด์ป้องกันเต็มๆ แต่ผู้ตัดสินก็ยังไม่เป่าให้ลูกโทษแต่อย่างใด ท่ามกลางการประท้วงของผู้เล่นทีม ปืนใหญ่

นาทีที่ 69 พวกปืนใหญ่ แก้เกมส่ง อเล็กซ์ อ๊อกซ์เลด - แชมเบอร์เลน ลงสนามแทน ซานติ กาซอร์ล่า ส่วน เชลซี ก็เปลี่ยนเช่นกัน ถอด อังเดร ชูร์เล่ ออกไป แล้วให้ จอห์น โอบี มิเกล ลงเล่นแทน

นาทีที่ 76 กรุ๊ปเชลซี เกือบได้ประตูเพิ่ม จนกระทั่ง ดิเอโก้ คอสต้า ลากจากฝั่งซ้ายเข้าเขตโทษ ก่อนไหลให้ อาซาร์ ที่เติมเข้ามาโล่งๆ จัดการซัดมุมแคบ แต่บอลก็โด่งข้ามคานออกไปอย่างน่าเสียดาย

พร้อมทั้งในที่สุด ทีมสิงห์บลูส์ นั้นก็มาได้ประตูที่ต้องการสมใจในนาทีที่ 78 จากจังหวะที่ ฟาเบรกาส เปิดไกลจากกลางสนามให้ คอสต้า สปีดเข้าไปหาบอล ก่อนจักกระดกข้ามมือ วอยเชค เซสนี่ ที่ออกมาป้องกันเข้าไปแบบเหนือชั้น เชลซี นำเพิ่ม 2-0

พร้อมด้วยภายหลังที่เสียประตูคณะเยือนได้ถอด อเล็กซิส ซานเชส ที่เกมนี้ไม่ได้ช่วยทีมมากนักออกไป แล้วให้ ลูคัส โพดอลสกี้ ลงสนามแทน

นาทีที่ 83 ทีมอาร์เซน่อล ถอด วิลเชียร์ ออกไป แล้วส่ง โทมัส โรซิคกี้ ลงมาช่วยเกมในแดนกลางแทน

นาทีที่ 87 คณะเจ้าถิ่นถอด ออสการ์ ออกไปพัก แล้วให้ วิลเลี่ยน เข้ามาช่วยเกมรุกของหมู่แทน

ช่วงท้ายเกมทั้งสองหมู่ไม่มีใครทำประตูกันได้ ทำให้หมดเวลา กรุ๊ปเชลซี เป็นฝ่ายเอาชนะ อาร์เซน่อล ได้สำเร็จ 2-0 ส่งผลให้คณะยังคงรั้งอันดับหนึ่งของลีกถัด โดยมีเพิ่มเป็น 19 คะแนน ส่วน เหล่าปืนใหญ่ ความพ่ายแพ้นัดนี้ทำให้กรุ๊ปมี 10 คะแนน เท่าเดิม พร้อมทั้งรั้งอยู่อันดับ 7 ของตารางถัดจาก

มาดูรายการผู้เล่น กลุ่มเชลซี ในระบบ 4-2-3-1 :
  1. ธีโบต์ กูรก์ตัวส์ (ปีเตอร์ เช็ก น.24)
  2. บรานิสลาฟ อิวาโนวิช
  3. แกรี่ เคฮิลล์
  4. จอห์น เทอร์รี่
  5. เซซ่าร์ อัซปิลิกวยต้า
  6. เนมันย่า มาติช
  7. เชส ฟาเบรกาส
  8. อังเดร ชูร์เล่ (จอห์น โอบี มิเกล น.69)
  9. ออสการ์ (วิลเลี่ยน น.87)
  10. เอแด็น อาซาร์
  11. ดิเอโก้ คอสต้า


รายชื่อผู้เล่นสำรอง
  1. เฟลิเป้ หลุยส์
  2. เคิร์ท ซูม่า
  3. โมฮัมเหม็ด ซาล่าห์
  4. โลอิก เรมี่


มาดูบัญชีชื่อผู้เล่น กรุ๊ปอาร์เซน่อล ในระบบ 4-2-3-1 :
  1. วอยเชค เซสนี่
  2. คาลั่ม แชมเบอร์ส
  3. แพร์ แมร์แตซัคเกอร์
  4. โลร็องต์ กอสเชลนี่
  5. คีแรน กิ๊บสส์
  6. มาติเยอ ฟลามินี่
  7. แจ็ค วิลสนับสนุน (โทมัส โรซิคกี้ น.83)
  8. อเล็กซิส ซานเชส (ลูคัส โพดอลสกี้ น.78)
  9. ซานติ กาซอร์ล่า (อเล็กซ์ อ๊อกซ์เลด-แชมเบอร์เลน น.69)
  10. เมซุต โอซิล
  11. แดนนี่ เวลเบ็ค


รายการผู้เล่นสำรอง
  1. ดาเมี่ยน มาร์ติเนซ
  2. นาโช่ มอนเรอัล
  3. โจเอล แคมป์เบลล์
  4. ฟรองซิส โกโกแล็ง


กรรมการผู้ตัดสิน : มาร์ติน แอ็ตกินสัน

มาดูประมวลภาพฟุตบอลพรีเมียร์ลีกผลบอล หมู่เชลซี 2 - 0 เหล่าอาร์เซน่อล


























คณะเรือใบพบช่องเล็งสอยรอยส์ในซัมเมอร์หน้า




คงจะได้มาอีก 1 ไม่ใช่หรือไม่?  ปางกลุ่มแมนฯ ซิตี้ ได้ตกเป็นข่าว ล็อกเป้าสอย รอยส์ มาเสริมทัพช่วงซัมเมอร์หน้า หลังสบโอกาสที่นักเตะยังไม่ยอมต่อสบถสาบานกับ ดอร์ทมุนด์ คาดมีค่าฉีกสัญญาพาง 20 ล้านปอนด์เท่านั้น

เพราะหลังจากที่ฝ่ายแมนเชสเตอร์ ซิตี้ พวกชั้นนำในศึกพรีเมียร์ลีกอังกฤษ ตกเป็นข่าวกลายเป็นอีก 1 สโมสร ที่ให้ความสนใจคว้าตัว มาร์โก รอยส์ แนวรุกตัวเก่งของ โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ ยักษ์ใหญ่แห่งเวทีบุนเดสลีกา เยอรมัน มาเสริมทัพในช่วงซัมเมอร์หน้า หลังสบช่องช่วงที่นักเตะรายนี้ยังไม่ยอมต่อปฏิญาณกับต้นสังกัด เพราะมีรายงานว่ามิดฟิลด์ค่าย กลุ่มเสือเหโจษง จะมีค่าฉีกข้อสัญญาแค่ 20 ล้านปอนด์หรือไม่ก็ 1,100 ล้านบาทเท่านั้น ทันทีที่จบฤดูกาลนี้

ภายหลังที่ดาวเตะทีมชาติเยอรมัน แสดงท่าทียังไม่ยอมเจรจาขยายอนุสัญญาฉบับใหม่กับ เสือเหโจษจันง หลังเจ้าตัวได้แจ้งกับทางสโมสรว่าทะเยอทะยานรอให้จบซีซั่นนี้ก่อน แต่กระนั้น เรือใบสีฟ้า ซึ่งให้ความสนใจประสงค์ได้ตัวมิดฟิลด์วัย 25 ปี มาเป็นเวลานาน จึงใช้จังหวะดังกล่าว เตรียมยื่นข้อเสนอเท่ากับค่าฉีกให้คำมั่นไปซื้อตัวนักเตะ ทั้งนี้เพราะช่วงซัมเมอร์หน้า รอยส์ จะมีค่าฉีกข้อผูกมัดแค่ 20 ล้านปอนด์เท่านั้น

อย่างไรก็ตาม ฝ่ายแมนฯ ซิตี้ ยังต้องเจอคู่แข่งสำคัญอีกหลายสโมสร ทั้ง 

  1. กลุ่มแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด
  2. กลุ่มลิเวอร์พูล 
  3. กรุ๊ปอาร์เซน่อล 

ที่เป็นสามกรุ๊ปคู่แข่งร่วมลีก ที่แสดงความสนใจตะโกรงได้ตัว รอยส์ ไปร่วมทัพด้วยเช่นเดียวกัน


มีข่าวเปิดเผยมาอีกว่า ทีมผีแดง เมินที่จักดึง โด้กลับ แต่หันเล็งกระชากเบลแทน




พอสื่อ เดลี่ สตาร์ ซึ่งเป็นหนึ่งในสื่อดังประเทศอังกฤษเผยข่าวสุดฮือฮาว่ากลุ่ม แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดที่แสดงให้เห็นว่ากล้าทุบเงินกองคลังด้วยการระเบิดงบประมาณสูงสุดในประวัติบุคคลศาสตร์สโมสร พร้อมทั้งเกาะอังกฤษกับการทุ่มเงินซื้อ และขอยืมนักเตะในช่วงตลาดซื้อขายรอบแรกมากถึง 151 ล้านปอนด์ไม่ใช่หรือ 8,000 ล้านบาท ซึ่งกำลังกลับไปให้ความสนใจแกเร็ธ เบล ปีกจรวดตัวเก่งของรีล มาดริด หลังจบฤดูกาลนี้อีกครั้ง

ซึ่งสื่อดังกล่าวได้เปิดเผยวิเคราะห์บอลพรุ่งนี้ให้เป็นถึงสาเหตุที่ทำให้กรุ๊ป ปีศาจแดง นั้นต้องหันมาเล็งซื้อเบลที่พวกเขาเคยพลาดลายเซ็นดาวเตะคณะชาติเวลส์รายนี้ครั้งช่วงกลางปี 2013 หลังตัวนักเตะตกลงใจย้ายถิ่นไปร่วมทัพ หมู่ราชันชุดขาว ด้วยค่าจ้างเป็นสถิติโลก 85 ล้านปอนด์หรือว่า 4.500 ล้านบาท

และเพราะว่าทางบอร์ดบริหาร กรุ๊ปแมนฯ ยูไนเต็ด อาจไม่ตกลงใจเสี่ยงทุ่มเงินค่าตอบแทน และค่าจ้างกับโบนัสรวมกันถึง 200 ล้านปอนด์หรือ 10,600 ล้านบาท ในการที่จะดึงคริสเตียโน่ โรนัลโด้ ซึ่งกำลังเข้าสู่ช่วงปลายอาชีพค้าแข้งกลับมาจาก ฝ่ายรีล มาดริด


ปากหวานจริ๊ง!! เท่าที่ดิมาเรียยกให้เดเคอาคู่ควรแมนออฟเดอะแมตช์




ทางด้านของ ดิ มาเรีย ได้ยกย่อง เด เคอา ให้คู่ควรรางวัล แมน ออฟ เดอะ แมตช์ หลังเซฟอุตลุตพา พวกผีแดง เปิดบ้านทิ่ม ทอฟฟี่สีน้ำเงิน 2-1 พร้อมยินดี ฟัลเกา เปิดซิงได้แล้ว

หลังจากที่ อังเคล ดิ มาเรีย ปีกจรวดของ คณะแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด หมู่ชั้นนำแห่งศึกฟุตบอลพรีเมียร์ลีก อังกฤษ กล่าวยกย่อง ดาบิด เด เคอา ผู้รักษาประตูชาวสเปนว่าเป็นผู้ที่สมควรได้รับรางวัลแมน ออฟ เดอะ แมตช์ อย่างแท้ยิ่ง ภายหลังที่โชว์ฟอร์มป้องกันประตูช่วยพวกไว้นับครั้งไม่ถ้วน

ซึ่งแถมยังได้เซฟลูกโทษทำให้พาทัพ ทีมปีศาจแดง เปิดบ้านเชือด คณะเอฟเวอร์ตัน 2-1 ทันทีที่วันอาทิตย์ที่ 5 ตุลาคมที่ผ่านมา พร้อมกับแสดงความยินดีกับ ราดาเมล ฟัลเกา หัวหอกฝ่ายชาติโคลอมเบีย ที่เบิกประตูแรกในสีเสื้อของ เร้ด เดวิลส์ ได้แล้ว

โดยที่ ปีกหมู่ชาติอาร์เจนติน่า ซึ่งได้รับเโจษกให้เป็น ผู้เล่นยอดเยี่ยมในเกมล่าสุดกล่าวยกย่องฟอร์มการเซฟประตูของ เด เคอา ว่า ผมคิดว่า ดาบิด คือผู้ที่สมควรได้รับคำยกย่องมากที่สุด เขาช่วยป้องกันประตูให้เราตลอดทั้งเกม เพราะเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงท้ายเกม รวมไปถึงป้องกันลูกโทษที่จุดโทษด้วย ไม่เช่นแต่เขาแค่คนเดียว ผู้เล่นที่เหลือก็สมควรที่จักได้รับคำชื่นชมเช่นเดียวกัน

ด้วยกันนอกจากนี้ ดิ มาเรีย ยังกล่าวถึงการที่ ราดาเมล ฟัลเกา เปิดซิงยิงประตูแรกในสีเสื้อทีม ปีศาจแดง ในเกมที่ชนะ เอฟเวอร์ตัน 2 - 1 ว่า ใช่นั่นคือที่สำคัญเนื่องด้วยเขา เขากำลังมองหาประตูแรกในพรีเมียร์ลีก ซึ่งมันสำคัญกับเขามาก แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดคือการที่เราเชี่ยวชาญเก็บ 3 คะแนนได้ ด้วยกันเราหวังว่าเราจักไต่อันดับขึ้นไปบนหัวตารางได้